เปิดตำนานเหล็กไหลเรียกทรัพย์

 สถิติผู้สนใจเลี้ยงเหล็กไหลเรียกทรัพย์

ต้องขอบอกออกตัวไว้ก่อน บทความนี้มีเจตนาเพื่อสร้างคุณค่า

ให้กับสัตว์เลี้ยงที่ผู้เขียนคิดว่า ให้คุณกับตัวผู้เขียนเอง

นอกจากสร้างความสุขที่ได้เลี้ยงดูเขาแล้ว 

ยังสร้างรายได้เสริมให้กับตัวผู้เขียน

จากการที่มีผู้คนจากที่ต่างๆ

เข้ามาขอซื้อกุ้งเหล็กไหลไปเลี้ยง

ซึ่งถึงแม้จะเป็นเงินไม่มาก

แต่เมื่อเทียบกับหนึ่งชีวิต
ที่แลกเปลี่ยน

มาเป็นเงินให้เรา

ผู้เขียนอยากขอตอบแทนบุญคุณ

ของกุ้งเดสทรัคเตอร์

หรือที่ต่อไปนี้

จะขอเรียกว่า

"เหล็กไหล"

ให้ยังคงได้รับความนิยม
และอยู่คู่กับเมืองไทยต่อไปนานๆ


ข้อมูลทางพันธุศาสตร์ ของกุ้งเหล็กไหล
https://en.wikipedia.org/wiki/Common_yabby
กดดูตรงนี้

แรกเริ่มเดิมทีก่อนที่ผู้เขียน
จะเริ่มคลั่งไคล้สะสมเลี้ยงกุ้ง
ชนิดนี้

เป็นความโชคดีของตัวผู้เขียน
ซึ่งในวันนั้นได้ไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง
แต่เดิมเราเคยเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน
ซึ่งในเวลานั้นได้ข่าวว่าเขาประสบความสำเร็จ
ในธุรกิจเลี้ยงกุ้งเครฟิช
จึงอยากเข้าไปศึกษาหาข้อมูล

ช่างเอได้กรุณาให้กุ้งเดสทรัคเตอร์
ไซท์ประมาณ 1นิ้ว
มาให้ทดลองเลี้ยง 3 ตัว
ให้มาเลี้ยงฟรีๆ
ในฐานะที่เป็นพรรคพวกกัน
กำชับว่าเลี้ยงดูให้ดี


ด้วยความที่ไม่ประสาในตอนแรก
เลยทำกุ้งตายไป 2 ตัว
ยังคงเหลือเจ้าเหล็กไหล
เพียง 1 ตัว
และยังคงเลี้ยงรอด
มาจนปัจจุบัน


ตอนที่ได้เหล็กไหลมาใหม่ๆ

เลี้ยงไปสักพักมาเป็นสีดำ

ด้วยความที่ยังเหลือกุ้งอยู่เพียงตัวเดียว
และอยากเลี้ยงให้รอด
จึงได้พยายามศึกษา
หาความรู้เพิ่มเติมต่อเนื่อง
มาอย่างจริงจัง
จนกระทั่งมีอาการ
ที่ในวงการกุ้งเรียกกันว่า

"บ่องอก"

มีกุ้งเพิ่มมานับร้อย

จึงอยากรวบรวมข้อมูลที่หาได้
รวมกับประสบการณ์เลี้ยงจริง
มาเขียนเป็นบทความให้ทุกท่าน
ได้ร่วมแบ่งปัน

กุ้งเครฟิชชนิดนี้มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า
"Cherax destructor"
จัดอยู่ในกลุ่มกุ้งเครฟิช ที่ในบ้านเราเรียกว่ากุ้งสายC


ความที่กุ้งเครฟิชชนิดนี้เลี้ยงดูง่าย โตไว
ตัวใหญ่

ลักษณะเมื่อโต
ชอบเดินอวดก้าม

ถ้าเป็นคนก็คงต้องบอกว่า
เดินวางก้าม

จัดเป็นกุ้งเครย์ฟิชสายพันธุ์ดุ
ที่มีลักษณะเด่นทางกายภาพ
ให้ความรู้สึกถึง
ความมั่นคง แข็งแรง


ให้กินอาหารได้ ตั้งแต่สาหร่าย
พืชผักทุกชนิด
รวมถึงอาหารเม็ดจมชนิดต่างๆ


สิ่งที่เป็นจุดเด่น
ที่ผู้เลี้ยงกุ้งชนิดนี้ชื่นชอบกัน
ก็คือการได้ลองทำสี
ซึ่งสีสันบนตัวกุ้ง
จะเปลี่ยนไปตามอาหารที่เราให้เขากิน

     สีน้ำเงิน
    สีน้ำเงินดำ

 
        สีฟ้าอมน้ำเงิน
        สีน้ำเงินอมม่วง
        สีเขียวอมน้ำเงิน
        สีน้ำตาล
      สีขาวเหลือง 
       และสีขาว

 

สีขาวเกิดจากการให้กินอาหารเม็ดสูตรเลี้ยงกุ้งขาว

       
 
      

กุ้งเดสทรัคเตอร์จะออกสีฟ้าอ่อนๆ
ถ้าเราให้เขากินอาหารเม็ดจม
สูตรเลี้ยงกุ้งเครฟิช

จะออกสีเขียวเข้มจัด ไปจนถึงดำถ้าให้กินสาหร่ายตะไคร่น้ำ

ถ้าให้กินกุ้งฝอยต้มจะเป็นสีน้ำเงิน
(ถ้าให้กินแบบสดจะเป็นสีน้าเงินเข้มจัด)
สียอดฮิตที่ผู้เลี้ยงอยากให้กุ้งเดสทรัคเตอร์
เปลี่ยนเป็นสีนี้มากที่สุด
เพราะจะดูคล้ายกุ้งYabbyสายพันธุ์หนึ่ง
ชื่อบลูเพิล
ซึ่งเป็นกุ้งเครฟิชนำเข้าที่มีราคาสูง
และต้องเลี้ยงในน้ำเย็นอุณหภูมิิไม่เกิน 26องศา


จุดแตกต่างกันคือ
เดสทรัคเตอร์เลี้ยงดูในอุณภูมิน้ำปกติ
ของบ้านเราได้เลย
รวมถึงเพาะขยายพันธุ์ได้ในประเทศไทย


เทคนิคการทำสีกุ้งเหล็กไหลที่สำคัญคือ
ถ้าเราให้กินอาหารชนิดใด
และได้สีกุ้งตามต้องการแล้ว
ให้ยึดไว้
เน้นให้แต่อาหารชนิดนั้นอย่างเดียว
เพื่อให้สีไม่เปลี่ยน


&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$

  คาถาเรียกทรัพย์หลวงปู่เสือดำ

(ตั้งนะโม 3 จบ) 

“นะโมพุทธัสสะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ

วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา

วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโยพุทธัสสะ

เอหิ มะมะ เอหิ มะมะ

เอหิ มานี่มา ลาภะ ลาภะ มาหาข้าพเจ้า”

 

กดดูคลิปปลุกเหล็กไหลเรียกทรัพย์

ใครที่ค้าขายทำธุรกิจอยู่ในตอนนี้ อยากจะให้กิจการก้าวหน้า

 มีเงินไหลมาเทมา ขายดิบขายดี

&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$

ซึ่งชื่อเหล็กไหลมาจากการ
ที่ตัวผู้เขียนอยากได้อาหารเม็ดจมมาเลี้ยงกุ้ง
เพราะอยากให้สีตัวกุ้งเป็นสีน้ำเงิน

แต่ไม่อยากให้กินกุ้งฝอย
ซึ่งเป็นอาหารสด
เพราะจะทำให้น้ำเน่าเสียเร็ว
ต้องคอยเปลี่ยนน้ำในตู้เลี่ยงกุ้งบ่อยๆ


เสริซเจออาหารกุ้งเครฟิชยี่ห้อหนึ่ง

ซึ่งมีสรรพคุณตรงสเปค
คือให้กุ้งกินแล้วสีจะออกเป็นน้ำเงินเข้ม
โดยที่ยังคงรักษาคุณภาพน้ำไว้ได้นาน

ในเพจมีรูปโดนใจ

ที่โพสเขียนไว้ว่า "สีเหล็กไหล"


ตั้งแต่นั้นเลยตั้งชื่อเจ้าเดสทรัคเตอร์ที่บ้านทุกตัวว่า
"เหล็กไหลเรียกทรัพย์"



เป็นชื่อโดนๆที่ฟังแล้วอินเนอร์ได้
ให้ความรู้สึกเป็นศิริมงคลดี

เพราะตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยงมาจนถึงตอนนี้
ได้รับแต่สิ่งดีๆ มาโดยตลอด
ไม่ว่าจะเป็นความสุขจากการได้เลี้ยง
หรือความสุขจากการได้ศึกษา
ตลอดไปจนถึงมีรายได้เสริม
จากการได้ขายเจ้าเหล็กไหล
ให้เพื่อนผู้อยากเลี้ยงท่านอื่นๆ
ไปทดลองทำสี


&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$
&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$
รีวิวจากเฟสบุ๊ค
ท่านเจ้าของเฟสนี้เลี้ยงเหล็กไหลไว้ในบ้าน
เป็นงานอดิเรก
เมื่อเพาะพันธฺ์เองได้กุ้งมีมากขึ้น
เปิดขายออนไลน์
มีเท่าไรก็ขายได้หมด
 สร้างรายได้มากมาย

&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$
&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$



ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนตัวว่า
เจ้าเหล็กไหลนำพาแต่สิ่งดีๆ
มามอบให้
ถ้าเราตั้งใจเลี้ยงดูแลเขาให้ดีๆ

ซึ่งจะว่าไปแล้วตามหลักฮวงจุ้ย
กดดูข้อมูล
พลังน้ำเรียกทรัพย์

การที่เรามีบ่อน้ำ อ่างน้ำ หรือตู้ปลาในบ้าน
เท่ากับเป็นการเก็บกักความมั่งคั่ง

ยิ่งลักษณะสัตว์น้ำที่เราเลี้ยง
ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแรง มั่นคง
ยิ่งเสริมส่งบารมี

 อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเราเลี้ยง
เหล็กไหล

การให้อาหาร
คือการให้ทานสัตว์โลก

โดยเท่ากับเราได้ทำบุญต่อเนื่อง
สะสมบารมี
เลี้ยงเหล็กไหล
ให้อาหารไปทุกวัน ทุกวัน
ยิ่งนานวันบารมีย่อมทวีคุณค่ามากขึ้น
ตรงกับความเชื่อของคนไทยในยุคโซเชี่ยล
ที่ว่า
 "ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งให้ ยิ่งรวย"


เดสทรัคเตอร์

*********

..."สิวยุบ หน้าใสเด้งใน 5วัน"...

วางจำหน่ายแล้วใน 39 ประเทศ

เว็บไซต์ ->> http://genixwhite.blogspot.com

‪#‎เคล็ดลับผิวสวยใสขาวย้อนวัย
********


ความแตกต่างกันบางส่วนของกุ้งเครย์ฟิช 
Cherax destructor และ Cherax albidus 

 

สำหรับ กุ้ง Cherax albidus นั้น แม้จะเป็นกุ้งที่มีความคล้ายคลึง กันมาก กับ Cherax destructor เพราะเป็น Sub Species กัน แต่ว่า การปรับตัวอาจจะค่อนข้าง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ของทางบ้านเราได้ยากลำบากกว่าครับ เนื่องจากว่า เป็นกุ้งเครย์ฟิช ที่อาศัยอยู่ในแถบพื้นที่ๆ มีความเย็นของอุณหภูมิมากกว่า Cherax Destructor มากครับ Cherax Destructor นั้น มีการกระจายตัวที่มากกว่ามาก และ อยู่ในพื้นที่ๆ มีลักษณะความหลากหลายของอุณหภูมิที่สูง ทำให้มีความอดทนมากกว่า Cherax Albidus ครับ โดยที่กุ้ง Cherax albidus นั้น มีแหล่งกระจายตัวตามธรรมชาติ ที่จำกัดกว่ามาก คืออยู่แค่บริเวณ ทางตะวันตกของรัฐวิคตอเรีย และ บางส่วนทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย เท่านั้นครับ

ในปีค.ศ. 1936 ดร. เอนเลน คลาร์ค นักอนุกรมวิธานประจำพิพิธภัณฑ์วิคตอเรียน ได้ขนามนามกุ้ง White yabby เป็นครั้งแรกว่า Cherax albidus กุ้ง White yabby เป็นที่รู้จักในออสเตรเลียตะวันตกโดยเริ่มจากเขตกสิกรรม Wimmera ในแถบวิคตอเรียตะวันตกในปี 1932 แต่จุดที่พบแน่ชัดคือบึง Miram ใกล้กับ Nihil สิ่งที่น่าสนใจคือ ชื่อของกุ้งยับบี้หรือ Cherax albidus มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินคือ คำว่า “albus” หมายถึงสีขาว ซึ่งใช้อธิบายลักษณะการสะท้อนแสงอาทิตย์จากเขื่อน และเจ้ากุ้งยับบี้สะท้อนแสงได้ดี

กุ้ง Cherax albidus เรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า “white yabby” ซึ่งจะต่างจากกุ้ง Cherax destructor ที่เรียกกันว่า “common yabby” นับตั้งแต่ปีค.ศ. 1936 บรรดานักชีววิทยาได้แยกความแตกต่างระหว่างกุ้ง Cherax albidus กับกุ้ง Cherax destructor โดยมีเกณฑ์การแบ่งแยกความต่างระหว่างกุ้งทั้งสองสายพันธุ์นี้ โดยดูจากลักษณะทางสัณฐานวิทยา ลักษณะที่น่าสังเกตมากที่สุดคือ ที่ส่วนด้านในของก้ามกุ้ง Cherax albidus จะมีขนที่หนาแน่นกว่ากุ้ง Cherax destructor และจะมี areola ที่กว้างกว่า อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานทางอิเล็กโทรโฟเรทิก พบว่ามีการจัดประเภทของกุ้ง Cherax albidus เสียใหม่ให้เป็นสปีชีส์ย่อยของ Cherax destructor และตั้งชื่อใหม่ให้มันว่า Cherax destructor-albidus การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ที่ศึกษาการจัดกลุ่มของกุ้งน้ำจืดในออสเตรเลียได้อธิบายถึงสปีชีส์ใหม่หรือสปีชีส์ที่คล้ายคลึงกัน จึงเป็นผลให้เกิดความสับสนและความขัดแย้งเกี่ยวกับสถานะของลำดับขั้น(taxa)ที่แน่นอน นอกจากนี้ ยังเกิดข้อโต้แย้งระหว่าง 2 แนวคิด กล่าวคือแนวคิดการจัดกลุ่มแบบดั้งเดิมคือวิเคราะห์จากสัณฐานวิทยา ส่วนอีกแนวคิดหนึ่งคือแนวคิดสมัยใหม่ที่ใช้เทคนิคอิเล็กโทรโฟเรทิก ทั้งนี้ทั้งสองแนวคิดต่างมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของอีกฝ่ายหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จากกระบวนการปรับปรุงเมื่อไม่นานมานี้ และการอธิบายในแนวใหม่ ในปัจจุบันพบว่ามีกุ้ง Cherax ทั้งหมด 25 สปีชีส์ในออสเตรเลีย

ในปัจจุบัน เป็นที่น่ายินดีว่า มีผู้เพาะพันธุ์กุ้ง Cherax albidus ให้ถือกำเนิดในประเทศไทยได้มากขึ้น ทำให้มีลูกพันธุ์ของกุ้ง Cherax albidus จำหน่ายในวงกว้างมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว ส่งผลให้ราคาของลูกกุ้ง มีราคาที่ย่อมเยาลงมากขึ้นด้วยอีกทางหนึ่งครับ


ขอขอบคุณผู้เรียบเรียง คุณ กษิดิศ วรรณุรักษ์